ข้อคิดโหราศาสตร์ยูเรเนียน
· คำทำนายทายทัก ไม่ใช่ทางออก และไม่ใช่คำตอบ แต่ “ ความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติวิปัสสนา เป็นสัจจะธรรมอันสูงสุด ที่คนเราทุกคนควรแสวงหา เพราะคลังแห่งความรู้และความสุขที่แท้จริงนั้น อยู่ในตัวเราทั้งสิ้น” โดยไม่ต้องพึ่งนักทำนายทายทักที่ไหน
· เราขอเตือนนะครับ อย่าปล่อยให้ชีวิตของตนเองเป็นไปตามคำทำนายของหมอดู อย่าเชื่อหมอดูมาก แม้แต่กับผมเองก็เถอะเพราะอันตรายมาก เพราะคำทำนายของหมอดูที่ทักผิดๆ ในบางกรณีมีผลต่อจิตใจโดยตรงทีเดียว ทำให้วิตกกังวลไม่เป็นอันทำมาหากิน อาจผลักดันให้เราหาทางออกในทางที่ผิดๆ และอีกอย่างหนึ่งคืออย่าให้เครดิตกับหมอดูที่เห็นว่าอายุมากจะต้องทายได้แม่นยำเที่ยงตรงเสมอไป ขอให้ใช้ปัญญาในการไตร่ตรอง ***
· คนเราเลือกเกิดกันไม่ได้ แต่เราก็มีสิทธิ์จะเลือกทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เราได้เกิดกันได้ใช่ไหมครับ***
· ดาวแต่ละดวงที่อยู่ในตำแหน่งต่างๆ ในขณะที่เราเกิด ในดวงของเรานั้นไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นลิขิตของใครบางคนที่ได้เจาะจงเอาไว้แล้ว ซึ่งมีความหมายมากมายเหลือเกินต่อหนึ่งตำแหน่งของดาวแต่ละดวง ดวงของคนเราจึงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงกันได้ จนกว่าเราจะล่วงลับไปเกิดใหม่ จึงจะได้ดาวตำแหน่งใหม่อีก จะดีหรือแย่กว่าเก่าขึ้นอยู่กับผลบุญและกรรมของการกระทำในแต่ละชาติภพที่เราเกิด ***
· ดวงดาวไม่อาจจะกระทำให้เราเป็นคนดีและเป็นคนเลวหรือเป็นโจรได้ นอกจากเราจะเป็นผู้กระทำตัวของเราเอง ***
· คนเราเกิดมามีหลายแบบ แบบคาบช้อนบุญช้อนทองมาเกิด หรือเกิดมากินบุญเก่า หรือเกิดมาเพื่อใช้เงินมากกว่าหาเงิน แล้วคุณล่ะเกิดมาในแบบไหน ***
· ถ้าจังหวะชีวิตอยู่ในช่วงไม่ดี จะไปลงทุนอะไรก็เสี่ยงหมดตัวได้ ***
· เหมือนดั่งเจอคนไม่เหมาะสมในเวลาที่ไม่เหมาะสม นั่นคือเวลาและจังหวะของแต่ละคน **
· ทิศทุกทิศนั้นเป็นมงคลทั้งหมด อยู่ที่ว่าเราจะรู้หรือไม่ว่าเป็นทิศมงคลของใคร ***
· ดวงชะตาฟ้าเป็นผู้ลิขิต ส่วนชีวิตมนุษย์ต้องเป็นผู้ลิขิตเอง ***
· ถ้าเริ่มต้นผิดมันก็จะทำให้ผิดตลอด ดั่งการติดเม็ดกระดุมถ้าติดพลาดไปตั้งแต่เม็ดแรกก็ผิดทั้งแถว ***
· ดวงสมพงษ์ต่างกับพรหมลิขิต ***
· คนคำนวณฤาจะสู้ฟ้าลิขิต *** คนกระทำหรือจะสู้ฟ้าลิขิต ***ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน ***
· การที่คนสองคนมาเจอกันไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต ***
· การที่จะรู้ว่าเมื่อไหร่จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นนั้น ยังอาจจะมีความสำคัญน้อยกว่าว่าจะจัดการกับเหตุการณ์ได้อย่างไร และนั่นคือหัวใจของวิชาโหราศาสตร์ ***
· ผู้ที่เข้าใจโหราศาสตร์จึงเป็นผู้ที่รู้จักการไขความลับของชีวิตผ่านอิทธิพลของดวงดาวในจักรวาล ทำให้เขาสามารถปรับการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับหลักของธรรมชาติและกฎแห่งกรรม เพราะเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันล้วนแล้วแต่สอดคล้องกับสภาพดาวบนท้องฟ้านั่นเอง จึงควรปรับตัวให้เข้ากับจังหวะของธรรมชาติและกระแสกรรมที่เปรียบเสมือนการพายเรือไปตามกระแสน้ำย่อมไม่สิ้นเปลืองแรง ***
· ฟ้ากำหนดเงื่อนไขเหตุการณ์ให้ แต่เจ้าชะตามีสิทธิเลือกตัดสินใจได้ตามใจภายใต้กรอบเงื่อนไขที่เป็นผลมาจากนิสัยและสิ่งที่เคยทำเอาไว้ในอดีตจนถึงปัจจุบัน นักโหราศาสตร์จะอ่านภาษาดาวที่อาจเป็นไปได้เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการตัดสินใจของเจ้าชะตา ***
· หากชีวิตเป็นไปตามพรหมลิขิตแล้ว การรู้ดวงชะตาล่วงหน้าจะมีประโยชน์อันใด เพราะแก้ไขสิ่งใดไม่ได้แต่ถ้าเชื่อว่าคนเราเลือกตัดสินใจทำอะไรก็ได้ การรู้ดวงชะตาก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน ***
· คนเราเดี๋ยวนี้เวลาเราไปไหว้สิ่งศักสิทธิ์ มักจะอ้อนวอน ร้องขอ หวังผล ดลบันดาล
· โหราศาสตร์ยูเรเนียน เราจะพิจารณาจาก “ สิ่งที่รู้ไปหาสิ่งที่ไม่รู้ ” ***
· โหราศาสตร์ช่วยได้อย่างดีคือ การบอกให้รู้ บอกให้ทราบ เพื่อที่จะได้ปรับตัวและหาหนทางที่ดีต่อไป ***
· เมอริเดียนประจำวัน คือ เมอริเดียนวี +อาทิตย์กำเนิด - อาทิตย์ทรานสิท ****
· การทำอะไรที่ผิดที่ ผิดเวลา ผิดจังหวะ ผิดอาชีพนั้น ก่อให้เกิดความวิบัติฉิบหายได้ทั้งนั้น **
· คำว่าคนดี กับคนดวงดี ไม่จำเป็นว่าต้องคนเดียวกันเสมอไป ***
· โหราศาสตร์เป็นเรื่องของการแก้ปัญหาตามประสาของคนที่ยังวนเวียนอยู่กับกิเลส ***
· การที่คนเรามีเคราะห์นั้น มาจากอำนาจอิทธิพลของกิเลส ความอยากได้ อยากดี อยากมี อยากสุข ***
· โหราศาสตร์ทำให้เรารู้ถึงจังหวะของดวงดาวว่า จังหวะใดเป็นจังหวะที่เสี่ยง หากรู้แล้วก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ถ้าจะให้อยู่รอดปลอดภัยจริงๆ คงต้องใช้วิธีทำบุญให้มาก เพื่อหลีกเลี่ยงกรรมในอดีต มิให้ส่งผลตามมาทันนั่นเอง ***
· เพราะโอกาสในการแก้ไขยังมีอยู่ ไม่มีใครตัดสินใครได้จนกว่าคนคนนั้นจะหมดลมหายใจ *
· การรู้จังหวะชีวิต ก็เหมือนกับวัคซีนป้องกันความล้มเหลว ***
· วันทุกวันนั้นเป็นมงคลทั้งหมด อยู่ที่เราจะรู้ไหมว่าเป็นวันมงคลของใคร ***
· การเอาของมาตั้ง แล้วทำให้รวย มันจริงเหรอ ***
· วิชาโหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ไม่มีจุดสูงสุดหรือจุดสุดยอดเหมือนทรงสามเหลี่ยมพีรามิด แต่จะเป็นลักษณะเป็นวงกลม คือไปเรื่อยไม่มีที่สิ้นสุดหาจุดจบไม่เจอ มีแต่ใครดูมามากผ่านดวงมามากก็จะมีประสบการณ์มาก ***
· วิกฤติที่รุนแรงที่สุดในชีวิต เกิดขึ้นในเวลาที่เรามักคาดไม่ถึงเสมอ แน่นอนเพราะว่าถ้าเราคาดถึง มันก็จะไม่รุนแรงที่สุดในชีวิต เพราะเรามีแผนที่ชีวิตและรู้ช่วงจังหวะของชีวิตแล้วนั่นเอง ***
· ไม่มีใครไม่เคยล้ม แต่เห็นไหมว่าทำไมคนบางคนล้มแล้วลุกขึ้นยืนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แถมมีความสุข ที่ยิ่งใหญ่ เป็นอิสระ มีคุณค่าและความหมายงดงามมากกว่าเดิมเสียอีก...ทำไม..**
· โชคคือช่วงจังหวะเวลาดีๆของชีวิตที่ผ่านเข้ามา ซึ่งแต่ละคนย่อมแตกต่างและไม่เท่ากัน แต่วาสนา มันคือสิ่งที่ติดตัวตนเรามาตั้งแต่เกิด สุดแล้วแต่ว่าใครวาสนาดี หรือไม่ดี จำไว้เลยโชคลาภดีไม่เท่ากับวาสนาดี ***
· คำว่า ชีวิตนี้ไม่มีคำว่าสาย มันไม่ได้มีไว้ให้เริมต้นใหม่ได้ตลอดเวลา เพราะมันยังมีอีกคำหนึ่งที่ต้องระวังไว้ นั่นก็คือคำว่า “สายไปเสียแล้ว หรือ หมดเวลา” ***
· อย่าเอาเวลาของชีวิตไปเสียให้กับเรื่องที่ไม่ใช่ความฝันของเรา ฉะนั้นจะทำอะไรสักอย่างต้องคิดให้ดีๆ ***
· ชีวิตคนเราที่เกิดมาเปรียบเหมือนเรือมนุษย์ที่ออกทะเลแห่งชีวิตนั้น ต้องฝ่าฟันคลื่นลมในรูปแบบต่างๆ เปรียบได้กับคนที่เกิดมาบนเรือลำใหญ่ บางคนเกิดมาบนเรือสำราญ บางคนเกิดมาบนเรือแจว ***
· หมายความว่า คนที่เกิดมาบนเรือขนาดใหญ่หากไม่ประมาท ก็จะถึงที่หมายได้เร็วกว่า ***
· มนุษย์เราถูกสอนให้เชื่อว่า มีกรรมหรือพรหมลิขิตในวิถีชีวิต แต่ไม่รู้ว่ามีกรรมอย่างไร และแค่ไหนและเมื่อใดจะแสดงผลออกมา แต่โหราศาสตร์สามารถบอกได้ว่า กรรมของมนุษย์คนนั้นจะมีในแบบใด ***
· ถ้าดวงจะมีโชคก็ต้องขยันสร้างโอกาสให้โชคดีมาหาเรา แต่ถ้าดวงจะซวย อยู่เฉยๆมันก็มาหาเราเอง ***
· โหราศาสตร์บอกจังหวะแนวโน้มของชีวิตที่จะเป็นไปได้ ทำให้เวลาที่ดวงดีน่าจะประสบความสำเร็จ ก็ควรจะทุ่มเททำให้เต็มที่กล้าเสี่ยง แต่ถ้าเวลาที่ดวงไม่ดีก็ควรระมัดระวัง หาทางอุดช่องป้องกัน ไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้น เน้นปลอดภัยไว้ก่อน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สำคัญมากในชีวิตของเรา ***
· ชีวิตเราแท้จริงแล้วเต็มไปด้วย “สิ่งที่ไม่อาจรู้ได้” ทุกเรื่องเหมือนกับห่วงโซ่ที่คล้องต่อกันเป็นทอดๆ ชักนำเราไปในทิศทางที่ต่างกัน นี่คือสิ่งที่มนุษย์เราเรียกว่า โชคชะตา ***
· แต่ละคนมีกรรมวาสนาบารมีมาแตกต่างกัน มีโครงสร้างกรรมที่แตกต่างกัน ***
· คุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงมากในการจับจ่ายเงิน ใครทำไม่ได้คุณทำได้ คือสามารถจ่ายเงินได้จนบาทสุดท้าย เพราะถ้าเราจ่ายกันอย่างสติแตก ก็อย่าหวังว่าสตางค์จะมีมาให้เหลือเก็บ*
· ไม่มีใครเลยสักคนที่จะหนีความร่ำรวยจากอิทธิพลของดาวชุดนี้ไปได้ ***
· ถ้าคุณทำตอนดวงเปิด อยากทำอะไรก็ทำ หนี้สินที่มีอยู่ก็จะใช้หนี้หมด ทุกอย่างจะทำสำเร็จเมื่อดวงเปิดให้ มันจะเปิดให้ตลอด รวมทั้งให้ใช้หนี้หมดทุกบาททุกสตางค์ ***
· แต่สำหรับพวกที่ทำไปแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ดูฤกษ์ดูยาม ฟลุ๊คไปลงทุนทำอะไรตอนดวงปิด อาจจะเพราะเจ้ากรรมนายเวรดลใจ (ให้หลงอาชีพอีกด้วย) ทุกอย่างจะมีอุปสรรคติดขัดหมด จนฉากสุดท้ายจบลงด้วยหนี้สินอย่างหมดหนทางใช้ **
· ตอนนี้ชีวิตคุณกำลังอยู่ในสภาพ “ลมเปลี่ยนทิศ ชีวิตกำลังจะดีขึ้น” ขอให้เตรียมตัวไว้ตั้งใจจะทำอะไร ขอให้ทำเลย อย่ารอ*
· ตลอดชีวิตคุณมักผิดพลาดเรื่องการตัดสินใจผิดๆ แล้วมาเสียใจภายหลัง เช่นคุณตัดสินใจไปทางขวา ทางที่ถูกเป็นทางซ้าย พอคุณเลือกทางซ้าย ทางที่ถูกกลับเป็นทางขวา เป็นต้น ***
· ใครมีดาว ๔ ๕ ๖ อยู่ในภพเรือน 6 7 8 จากดาว ๒(จันทร์) ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่มีวาสนาดีไม่มีตก
· เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำอะไรอย่าเร่งรีบ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ***
· อดีตที่ผ่านมาแล้วเราสามารถมองเห็นมันมาแล้วใช่ไหม แต่อนาคตเรายังมองไม่เห็น ก็เปรียบเสมือนคล้ายกับว่าเรากำลังเดินแบบถอยหลัง เพราะว่าข้างหลังเรามองไม่เห็น เราเห็นแต่ข้างหน้าซึ่งก็เปรียบคืออดีตนั่นเอง การเดินแบบถอยหลังนี้เราก็มีโอกาสหกล้มหัวฟาดพื้นได้เสมอถ้าไม่ระวัง หรือว่าเส้นทางไม่ราบเรียบพอ โหราศาสตร์จึงเปรียบเหมือนกับว่าคุณมีกระจกมองหลัง อย่างน้อยช่วยให้คุณได้มองเห็นเส้นทางที่คุณกำลังจะเดินก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยนั่นเอง ***
· ดวงถ้าเปรียบเหมือนการขับรถ ช่วงดวงไม่ดีก็ต้องชะลอ หักหลบ หรือลดความเร็ว ***
· เมื่อยังไม่ถึงเวลา มันก็ยังไม่ปรากฏ แต่เมื่อเวลามาถึง ทุกสิ่งจะเป็นใจ ***
· น้อมตามฟ้าเป็นสุข ใครฝืนฟ้าก็เป็นทุกข์ โชคชะตาฟ้ากำหนด มนุษย์ฝ่าฝืนมิได้หรอก ***
· บางทีคนพร้อม แต่ท้องฟ้าไม่เข้าข้างก็มี ***
· ถ้าไม่ใช่จังหวะเวลาที่ใช่ ต่อให้เราได้สิ่งใดมา เราก็ไม่อาจเห็นคุณค่าสิ่งนั้น จนกว่าจิตเราพร้อม เราถึงจะจะเข้าใจว่าสิ่งนั้นล้าค่ามากแค่ไหน ***
· คนกระทำด้วย ฟ้าลิขิตด้วย จึงจะชนะ ทำตามลิขิตฟ้า จะไม่มีคำว่าแพ้ ***
· ตอนเป็นเด็กอนุบาล เชื่อพ่อแม่ ตอนเป็นเด็กประถม เชื่อครู ตอนเรียนมัธยม เชื่อเพื่อน
· ตอนปริญญาตรี เชื่อตำรา ตอนปริญญาโท เชื่อตัวเอง พอจบด๊อกเตอร์ ไม่เชื่อใครเลยแม้ตัวเอง.....แต่เชื่อหมอดู ***
· ยืนยังไม่ถูกที่ เก่งแค่ไหนก็เดินต่อไปลำบาก ***
· ยามดวงตก ก็เหมือนคนตาบอดที่ขี่ม้าตาบอดไปในหน้าผาตอนกลางคืน ***
· ฤกษ์ดี มันยังดีกว่าทำอะไรส่งเดช(ผู้ประมาท) ไม่ใช่นักปราชญ์(ปาดเหงื่อตามหลัง) ***
· ผู้กำกับหนังไม่จำเป็นต้องแสดงหนังเก่ง ช่างตัดผมเวลาผมยาว ก็ยังต้องให้คนอื่นตัดให้ ***
· การที่ต้นทุนชีวิตและโอกาสของแต่ละคนไม่เท่ากันนั้น เปรียบเสมือนที่ให้นักเรียนที่อยู่ในชั้นเรียนโยนกระดาษลงในตะกร้าหน้าชั้นเรียน เด็กแถวหน้าย่อมมีโอกาสมากกว่าเด็กที่อยู่แถวหลัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กแถวหลังจะโยนไม่ลงนะครับ ต้องมีโยนลงและประสบความสำเร็จได้ เช่นกันกับเด็กแถวหน้าแม้โอกาสย่อมดีกว่า แต่ก็อาจโยนไม่ลงตะกร้าก็ได้ แล้วแต่ช่วงชีวิตของคนเราไม่ได้ราบเรียบเสมอไป บางคนต้นร้ายปลายดีก็มี ***
Comments